"สามเณรคำอ้าย วัดนางแล"เชียงราย สู่ เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สุวรรณ สุวณฺณโชโต) "พระผู้ให้แก่สังคม"
สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ มีนามเดิมว่า สุวรรณ เขื่อนเพ็ชร เกิดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2463 แรม 4 ค่ำ เดือน 7 ปีวอก ณ บ้านนางแล ตำบลนางแล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย โยมมารดาชื่อ ขันแก้ว เวียงมูล โยมบิดาชื่อ จี วงศ์เรืองศรี เมื่อเกิดมาอาจารย์ได้ให้ชื่อไว้ในดวงชะตา (ใบลานจารเขียน) วัน เดือน ปี และเวลาเกิด พร้อมกับแจ้งชื่อพ่อและแม่ไว้ด้วยว่า “ดวงทิพย์” ภายหลังในฐานะเป็นบุตรคนหัวปี จึงมีชื่อเรียกกันว่า “คำอ้าย” และใช้ชื่อคำอ้ายนี้ตลอดมา จนถึงเวลาได้รับการบรรพชาเป็นสามเณร ก็มีชื่อว่า สามเณรคำอ้าย แต่เมื่อมาอยู่กรุงเทพมหานคร อาจารย์ได้เปลี่ยนชื่อให้ใหม่ว่า สุวรรณ ได้ชื่อฉายาจากพระอุปัชฌาย์ว่า สุวณฺณโชโต
บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2477 ณ วัดนางแล ตำบลนางแล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย โดยมีพระครูสุตาลังการ วัดกลางเวียง ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เป็นพระอุปัชฌาย์
อุปสมบท วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2483 ตรงกับวันแรม 6 ค่ำเดือน 6 ปีมะโรง ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร โดยมีพระพรหมมุนี (ปลด กิตฺติโสภโณ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสรภาณกวี (คอน นนฺทิโย ป.ธ.3 ต่อมาได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระมงคลวัตรกวี) วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระราชเวที (ดอกไม้ อตฺตรภทฺโท ป.ธ. 6) วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สุวรรณ สุวณฺณโชโต) เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามครองวัดตั้งแต่ พ.ศ. 2505 - 2537
กรรมการมหาเถรสมาคมเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ แม่กองบาลีสนามหลวง อีกด้วย - ด้านการศึกษา
- ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนประชาบาลวัดนางแล ตำบลนางแล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
- พ.ศ. 2490 สอบได้เปรียญธรรม 7 ประโยค สำนักเรียนวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
- พ.ศ. 2531 ปริญญาพุทธศาสตรดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (สาขาสังคมศาสตร์) จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
การถึงมรณภาพของท่านด้วยมีอาการอาพาธด้วยโรคหัวใจ โรคเบาหวาน และอัมพฤกษ์ ทำให้ร่างกายซีกซ้ายไม่มีกำลัง ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้อยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ ตั้งแต่วันที่ ๑๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๓๗
ตลอดระยะเวลา ๕ เดือนเศษ ที่เข้ารับการรักษา เจ้าประคุณสมเด็จฯ ต้องเข้ารับการรักษาในห้อง I.C.U. และ C.C.U. หลายครั้ง และมีอาการดีขึ้นตามลำดับ แต่เเล้วอาการของโรคหัวใจก็กำเริบขึ้นอย่างเฉียบพลัน เพราะเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ เจ้าประคุณสมเด็จฯ จึงถึงแก่มรณภาพ ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๗ เวลา ๑๑.๔๐ น. ที่ตึก ๘๔ ปี โรงพยาบาลศิริราช สิริอายุได้ ๗๔ ปี ๓ เดือน ๑๗ วัน พรรษา ๕๔
นับได้ว่าเป็นความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนา วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม คณะสงฆ์ทั่วไป โดยเฉพาะคณะสงฆ์ทางภาคเหนือทั้งหมดและสังคมไทย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น