ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บันทึกไว้ในความทรงจำ "โรงเรียนศึกษาศาสตร์ เชียงราย ( พ.ศ. 2472 -พ.ศ. 2519 )




ย้อนความเมื่อปี .. 2472 ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีคนจีนในอำเภอเมือง เชียงรายได้รวมตัวกันประกอบด้วย นาย สี ไตรไพบูลย์ นาย ฟุ่น อุดมทรัพย์ นาย มายิ่งซัน ศิลาพงษ์ และนาย เชาว์ พงษ์สุวรรณ ได้ยื่นคำร้องขอจัดตั้งโรงเรียนจีน ชื่อว่า โรงเรียน ลีเม้งฮกเก่า ต่อทางการในหมู่ที่ 16 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมือง เชียงราย โดยนาย เชาว์ พงษ์สุวรรณ ได้อุทิศที่ดินส่วนตัวด้านหน้า ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษ ให้จัดตั้งโรงเรียน มีการดำเนินงานก่อสร้างโดยใช้เวลาร่วม 2 ปี จึงเปิดการเรียนการสอนในปี .. 2474 


หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ยุติลง นายเชาว์ พงษ์สุวรรณ ได้ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนชื่อโรงเรียนใหม่ ชื่อว่าโรงเรียน กุงลิกุงหมิงเซี๊ยเซี่ยว เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ปี .. 2489 จนถึง .. 2495 

ในปีต่อมา .. 2496 นายเชาว์ พงษ์สุวรรณ ได้ขอเปลี่ยนการเรียนการสอนมาในรูปแบบโรงเรียนไทย โดยได้รับอนุญาตใช้ชื่อว่า โรงเรียน "ศึกษาศาสตร์" ผลิตบุคลากรฯออกมารับใช้สังคมมากมาย ทั้งสร้างคุณประโยชน์นานับประการ 

หลังจากที่นายเชาว์ พงษ์สุวรรณ ได้เสียชีวิต ในวันที่ 15  มิถุนายน ปีพ.. 2502  สิริอายุท่าน รวม 75 ปีก็มีการบริหารจัดการโรงเรียนฯกันมาอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้าย ในปี .. 2519 โรงเรียนศึกษาศาสตร์ ก็มีอันต้องปิดตัวลง เหลือเพียงความทรงจำ และความยิ่งใหญ่เอาไว้  23 ปี ของโรงเรียนศึกษาศาสตร์ มีคุณค่า และมีความหมายยากเกินแก่การบรรยาย ปัจจุบันสถานที่นี้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนพาณิชยการเชียงราย 
เครดิตภาพจากเฟสบุ๊คโรงเรียนศึกษาศาสตร์


เครดิตภาพจากเฟสบุ๊คโรงเรียนศึกษาศาสตร์

เครดิตภาพจากเฟสบุ๊คโรงเรียนศึกษาศาสตร์


เครดิตภาพจากเฟสบุ๊คโรงเรียนศึกษาศาสตร์


ปัจจุบันโรงเรียนฯไม่หลงเหลือภาพความหลังให้ได้เห็น แต่ศิษย์เก่า ตั้งแต่โรงเรียน กุงหมิงเซี๊ยเซี่ยว โรงเรียนศึกษาศาสตร์ แต่ละรุ่นก็ยังมีการจัดงานสังสรรค์พบเจออยู่เสมอ  

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บ้านพระยาภักดีราชกิจ (ตื๋อ ภักดี) จากโรงเรียนดรุณศึกษา ถึงแม่กกวิลล่า

ในปีพ . ศ .2428  ทางราชการได้ประกาศรวมเอาเมืองเชียงแสน เชียงราย เมือง ลำปาง เมืองฝาง เวียงป่าเป้า เมืองพะเยา เมืองเชียงคำ และเมืองเชียงของ เข้าเป็น “ จังหวัดพายัพภาคเหนือ ” อันเป็นส่วนหนึ่ง ของมณฑลพายัพ   จนกระทั่งปี พ . ศ . 2433 ได้รวมหัวเมืองต่าง ๆ ตั้งเป็นเมืองจัตวา เรียกว่า “ เมืองเชียงราย ” โดย เกณฑ์ผู้คนจากเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง มาตั้งภูมิลำเนาในเขตเมืองเชียงราย   พระยาภักดีราชกิจ( ตื๋อ  ภักดี)  มี ภริยาชื่อ ยอดเรือน เป็นชาวอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ปลดปล่อยทาส ปี พ . ศ .2434 นายตื๋อจึงได้อพยพครอบครัวมาตั้งรกรากอยู่ที่ บ้านป่าอ้อ ตำบลนางแล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย   ต่อมา เจ้าหลวงเมืองไชย ผู้ครองนครเชียงรายในขณะนั้น ได้ชักชวนนายตื๋อ เข้ามาช่วยราชการในตัวเมือง   โดยให้เลือกทำเลตั้งบ้านเรือนได้ตามใจชอบ นายตื๋อจึงเลือกพื้นที่ทิศเหนือตรงข้ามวัดพระสิงห์ และเจ้าหลวงได้เกณฑ์ราษฎรตัดไม้สัก มาปลูกบ้านให้ และได้ช่วยราชการในเชียงราย       ...

จอมดาบทะลุฟ้า หนัง3 มิติ เรื่องแรกฉายในเชียงราย (พ.ศ.2520)

ในปี พ.ศ.2520 เชียงราย เฟื่องฟูไปด้วยโรงภาพยนตร์ ถึง 5 โรงแยกออกเป็นโซนต่างๆ ตามมุมเมือง ย่านถนนธนาลัย มีโรงหนัง สุริวงศ์ ,ราชา (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นจิระนันท์รามา) ย่านขนส่ง บขส.มีโรงหนังเชียงรายรามา 1 และ เชียงรายรามา 2 ย่าน 5 แยกพ่อขุนฯ มี โรงหนังเมืองทอง  แต่ละโรงจะเป็นโรงสายหนังแต่ละสายที่ป้อนภาพยนตร์มาตามเครือข่ายสายของตน (ก่อนหน้านี้มีโรงหนังชื่อสหดารา ปิดกิจการไปก่อนหน้านี้)  สุริวงค์ เครือโรงหนังจากเชียงใหม่(สุริวงศ์,สุริยง,แสงตะวัน) จะฉายภาพยนต์จีนกำลังภายในจาก ชอร์บราเดอร์ ฮ่องกง เป็นหลัก ภาพยนตร์ในยุคนั้นจะต้องภาคสดเสียงภาษาไทย โดยที่สุริวงค์จะมีนักภาคที่มีมุกตลกฮา ที่ชื่อ "รุจิศักดิ์ และนักภาคหญิงชื่อ นาตยา ให้เสียงภาษาไทย ดาราดังในยุคนั้นมี ตี้หลุง,เดวิดเจียง,ฟู่เซิง ฯลฯ  ราชา สถานที่ตั้งอยู่ห่างกันไม่มากนัก (ปัจจุบันเป็น ธนาคารทหารไทย สาขาเชียงราย) จะฉายภาพยนต์ไทย จากค่าย สันติสุชาภาพยนตร์(ที่โด่งดังมากคือภาพยนตร์ที่สร้างจากบทละครวิทยุ เรื่อง ชุมแพ นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี รับบท เพิก ชุมแพ และภาพยนตร์ต่างประเทศบ้างเป็นบางโอกาส เช่น รถถังประจั...

หลักหาย ศ.พณาเจือเพ็ชร นักมวยไทยที่เตี้ยที่สุดในโลก จาก อ.แม่สรวย จ.เชียงราย สู่ยอดมวยลุมพินี

หลักหาย ศ . พณาเจือเพ็ชร    ได้ชื่อมาจาก เจ้าของค่ายเห็นว่าตัวเตี้ยมาก    เตี้ยเท่าหลักกิโล ที่โดนหญ้าข้างทางบัง เลยตั้งชื่อว่า หลักหาย หลักหาย ” เป็นชาว อ . แม่สรวย จ . เชียงราย ในอดีตเคยเก็บเสื้อผ้าตามมาฝึกซ้อมอยู่ที่ค่ายศิษย์ยอดธง ที่พัทยา ก่อนก้าวขึ้นเป็นดาวดังศึกวันทรงชัย มีค่าตัวในการชกเมื่อกว่า 10 ปีก่อน เคยสูงถึง 75,000 บาท ปะทะกับนักมวยดัง ๆ มาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “ น้องโอ๋ ศิษย์ อ .” ยอดมวยไทยของเวทีลุมพินี รุ่งรัตน์ นราตรีกุล , วันเฮง มีนะโยธิน และ ลูกนิมิต สิงห์คลองสี่ ก็เคยชกกันมาแล้วทั้งนั้น ปัจจุบันในวัย 31 ปี หลักหาย ปักหลักฟิตซ้อมอยู่ที่ค่ายจิตเมืองนนท์ อ . บางบัวทอง ซึ่งเจ้าตัวตั้งเป้าจะขอชกอีก 4-5 ปี ก่อนแขวนนวม โดยในช่วงนี้ขอล่าเดิมพันกับเซียนมวย หรือนักมวยเก่าที่มาท้าเขาชก . หลักหาย ศ . พณาเจือเพ็ชร นักมวยที่ตัวเล็กที่สุดในโลก “ หลักหาย ” เป็นชาว อ . แม่สรวย จ . เชียงราย ในอดีตเคยเก็บเสื้อผ้าตามมาฝึกซ้อมอยู่ที่ค่ายศิษย์ยอดธง ที่พัทยา ก่อนก้าวขึ้นเป็นดาวดังศึกวันทรงชัย มีค่าตัวในการชกเมื่...